เลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีนักโภชนากรดีอย่างไร

เลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีนักโภชนากรดีอย่างไร

เลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีนักโภชนากรดีอย่างไร

หน้าที่ที่สำคัญของนักโภชนากรที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ The Senior

           “You are what you eat ” หรือที่สามารถแปลความหมายแบบตรงตัวได้ว่า “คุณทานอาหารอะไรเข้าไป คุณก็จะกลายเป็นอย่างนั้น” เป็นสำนวนที่แสดงให้เราเห็นถึงความสำคัญของการเลือกบริโภคอาหารทั้งในด้านของปริมาณ และคุณภาพของอาหาร ที่เราต้องการจะรับประทานเข้าไปในแต่ละวัน เพราะอาหารไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของเราเท่านั้น แต่อาหารยังเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญของการมีสุขภาพที่ดี และการมีร่างกายที่แข็งแรงด้วยเช่นกัน

           โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุที่สุขภาพร่างกายเริ่มเสื่อมลงไปตามวัย การเลือกรับประทานอาหารให้ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกายในปริมาณที่เพียงพอ ซึ่งจะส่งผลต่อการช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายของผู้สูงอายุให้มีความแข็งแรง และการมีภูมิต้านทานต่อโรคภัยต่าง ๆ ที่ดีมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นแล้วจึงเป็นหน้าที่สำคัญของลูกหลาน ผู้ดูแลผู้สูงอายุ และผู้ดูแลภายในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ หรือศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง ทุกคน ที่จำเป็นจะต้องให้ความสำคัญกับการเลือกอาหารให้ผู้สูงอายุอย่างเหมาะสมกับสุขภาพร่างกายและช่วงวัยของผู้สูงอายุ เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุไม่เกิดภาวะเบื่ออาหาร และมีความรู้สึกอยากรับประทานอาหารมากยิ่งขึ้น

           และนี่คือ 5 เหตุผลสำคัญว่า ทำไมในกรณีที่ลูกหลานหรือญาติของผู้สูงอายุไม่สามารถดูแลผู้สูงอายุได้ด้วยตนเอง และมีความจำเป็นจะต้องพาผู้สูงอายุไปเข้ารับการดูแลที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง หรือเนอสซิ่งโฮม ลูกหลานหรือญาติของผู้สูงอายุจึงจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้บริการเนอสซิ่งโฮมที่มีนักโภชนากรคอยดูแลเรื่องโภชนาการอาหารของผู้สูงอายุอย่างเหมาะสมตลอดระยะเวลาที่ต้องอยู่ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง หรือเนอสซิ่งโฮม

ความสำคัญของการเลือกเนอสซิ่งโฮมที่มีนักโภชนากร

1.ผู้สูงอายุจะได้รับการดูแลด้านโภชนาการอาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัย

           อาหารเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการเติบโต และการมีสุขภาพที่แข็งแรงสมวัย โดยในช่วงวัยของผู้สูงอายุนั้นถือได้ว่าเป็นช่วงวัยที่มีการทำกิจกรรมทางกาย และการเคลื่อนไหวร่างกายที่ค่อนข้างน้อยลงกว่าช่วงวัยอื่น ๆ ส่งผลให้ช่วงวัยของผู้สูงอายุนั้นจึงเป็นช่วงวัยที่ร่างกายต้องการได้รับพลังงานจากอาหารที่น้อยลง โดยสำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ผู้สูงอายุเพศหญิงจะต้องการพลังงานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,600 – 1,800 กิโลแคลอรี ต่อวัน ในขณะที่ผู้สูงอายุเพศชายจะต้องการพลังงานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 2,400 กิโลแคลอรี ต่อวัน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายในแต่ละวัน

           ซึ่งในการเลือกใช้บริการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง หรือเนอสซิ่งโฮม ที่มีนักโภชนากรคอยดูแลเรื่องโภชนาการอาหารของผู้สูงอายุอย่างสม่ำเสมอนั้น นักโภชนากรเหล่านี้จะมีหน้าที่ในการคำนวณ พร้อมทั้งจัดสรรปริมาณของอาหารที่มีความเหมาะสมกับปริมาณของพลังงานที่ผู้สูงอายุจำเป็นที่จะต้องได้รับในแต่ละวัน และพฤติกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายและการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ ในทุกมื้ออาหาร เพื่อช่วยทำให้ร่างกายของผู้สูงอายุได้รับพลังงานและสารอาหารอย่างครบถ้วนและเพียงพอ รวมถึงเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้ผู้สูงอายุมีภาวะน้ำหนักเกินจากการเลือกรับประทานอาหาร หรือขนมจุบจิบ ในปริมาณที่มากจนเกินไป จนอาจนำไปสู่การเกิดโรคต่าง ๆ ทั้งโรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคข้อเสื่อม รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด ตามมาได้

2.ผู้สูงอายุจะได้รับการดูแลด้านโภชนาการ อาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมต่อภาวะสุขภาพ

           การก้าวเข้าสู่ช่วงวัยสูงอายุ เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางด้านของอารมณ์ สังคม จิตใจ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านสุขภาพร่างกาย ซึ่งหากลองสังเกตดูดี ๆ เราจึงมักจะพบว่า หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ หรือผู้ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ช่วงวัยสูงอายุนั้น คือปัญหาเกี่ยวกับ “การเบื่ออาหาร” ซึ่งอาจมีสาเหตุได้จากทั้งปัญหาทางด้านร่างกายที่มีการเปลี่ยนแปลงและเกิดความเสื่อมถอยลงไป ยกตัวอย่างเช่น การมีสุขภาพเหงือกและฟันที่ไม่แข็งแรง และการมีความสามารถในการรับกลิ่นและรสที่เปลี่ยนไป จนส่งผลทำให้ผู้สูงอายุไม่สามารถทำการเคี้ยว หรือรับรสชาติของอาหารที่ชื่นชอบได้อย่างดีเช่นเดิมอีกต่อไป จนนำไปสู่ปัญหาในด้านของการปฏิเสธการรับประทานอาหารในท้ายที่สุด

           ส่งผลให้การเลือกใช้บริการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ หรือเนอสซิ่งโฮม ที่มีนักโภชนากรเป็นผู้ดูแลอาหารของผู้สูงอายุตามข้อมูลด้านสุขภาพที่ได้รับการประเมินจากแพทย์ พยาบาลวิชาชีพ และนักกายภาพ เมื่อแรกเข้าพัก จึงถือเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถได้รับการจัดสรรอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และมีความเหมาะสมกับสุขภาพร่างกายของผู้สูงอายุในขณะนั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น ผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านเหงือกและฟันจะได้รับการจัดเตรียมอาหารประเภทซุป โจ๊ก หรือข้าวต้ม ที่สามารถรับประทานได้ง่าย หรือผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านการรับรสจะได้รับการจัดเตรียมอาหารที่มีรสชาติเปรี้ยวนำ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำลาย และช่วยให้ผู้สูงอายุเกิดความรู้สึกอยากรับประทานอาหารมากยิ่งขึ้น เป็นต้น

3.ผู้สูงอายุจะได้รับการดูแลด้านปริมาณสารอาหารที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันอย่างเหมาะสม

           นอกเหนือไปจากความสำคัญเกี่ยวกับโภชนาการอาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัยและสุขภาพร่างกายของผู้สูงอายุแล้วนั้น เรื่องของปริมาณสารอาหารที่ร่างกายของผู้สูงอายุต้องการได้รับในแต่ละวันก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน ส่งผลให้การเลือกใช้บริการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง หรือเนอสซิ่งโฮม ที่มีนักโภชนากร จึงสามารถช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลและจัดสรรอาหารการกินที่อุดมไปด้วยสารอาหารแบบครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ รวมถึงสารอาหารอื่น ๆ ในปริมาณที่เพียงพอและครบถ้วนต่อการช่วยเสริมสร้างร่างกายและระบบภูมิคุ้มกันให้มีความแข็งแรง

โดยปริมาณสารอาหารที่ร่างกายของผู้สูงอายุต้องการได้รับในแต่ละวัน มีรายละเอียดดังนี้

  • โปรตีน โปรตีนเป็นสารอาหารที่ผู้สูงอายุควรได้รับในปริมาณมากที่สุดเมื่อเทียบกับสารอาหารในกลุ่มอื่น ๆ เนื่องจากโปรตีนเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อกระบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่าง ๆ ภายในร่างกาย รวมถึงยังช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อของผู้สูงอายุให้มีความแข็งแรงพร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยปริมาณโปรตีนที่ผู้สูงอายุควรได้รับในแต่ละวันนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็นโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย อย่างเช่น เนื้อปลา ประมาณ 120-160 กรัมต่อวัน โปรตีนที่ได้จากการดื่มนมอย่างน้อยวันละ 1 แก้ว หรือ 250 มิลลิลิตร และโปรตีนที่ได้รับจากการรับประทานไข่ไก่สัปดาห์ละ 3-4 ฟอง เป็นอย่างน้อย
  • คาร์โบไฮเดรต คาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารสำคัญที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถรักษาน้ำหนักตัวเอาไว้ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมได้ โดยผู้สูงอายุควรจะได้รับคาร์โบไฮเดรตในปริมาณร้อยละ 45-65 ของพลังงานที่ร่างกายต้องการได้รับในแต่ละวัน และคาร์โบไฮเดรตที่ผู้สูงอายุควรได้รับควรเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน อย่างเช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ลูกเดือย หรือธัญชาติที่ไม่ขัดสี ที่สามารถช่วยรักษาระดับน้ำตาลให้เลือดให้คงที่ และช่วยให้ผู้สูงอายุมีพลังในการเคลื่อนไหวร่างกายและสามารถออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งวัน
  • ไขมัน ช่วงวัยของผู้สูงอายุเป็นช่วงวัยที่ควรได้รับไขมันต่าง ๆ ในปริมาณที่น้อย โดยไม่ควรเกิน 2 ช้อนโต๊ะ ต่อวัน เพื่อช่วยให้ร่างกายของผู้สูงอายุยังสามารถได้รับกรดไขมันจำเป็น และวิตามินต่าง ๆ ที่ละลายอยู่ในไขมันได้อย่างเพียงพอ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับไขมันที่ไม่จำเป็นในปริมาณที่มากจนเกินไป จนเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะไขมันในเลือดสูง และการเกิดโรคไขมันอุดตันหลอดเลือดได้
  • วิตามิน และเกลือแร่ ในแต่ละวันผู้สูงอายุควรได้รับวิตามินและเกลือแร่จากการรับประทานผักและผลไม้ประเภทต่าง ๆ ให้ได้อย่างน้อยวันละ 400 กรัม ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก เพื่อเป็นการช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมและนำเอาวิตามินและเกลือแร่ต่าง ๆ เหล่านี้ไปใช้งานได้ในปริมาณที่เพียงพอต่อการช่วยเสริมสร้างร่างกายและระบบภูมิต้านทานให้มีความแข็งแรง และช่วยให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายสามารถทำงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

4.ผู้สูงอายุจะได้รับการปรับอาหารให้เหมาะสมกับโรคประจำตัว ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน

           การเลือกพาผู้สูงอายุมาเข้ารับการดูแลที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง หรือเนอสซิ่งโฮม ที่มีนักโภชนากรคอยกำกับดูแลในเรื่องของอาหารการกินอยู่อย่างสม่ำเสมอ จะเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้ผู้สูงอายุได้รับประทานอาหารหรือขนมจุกจิกในระหว่างมื้อ รวมไปถึงอาหารที่มีรสจัด อาหารประเภททอด อาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารหมักดอง และอาหารแปรรูปชนิดต่าง ๆ เป็นต้น รวมถึงเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้ผู้สูงอายุมีภาวะน้ำหนักเกินจากการเลือกรับประทานอาหาร หรือขนมจุบจิบ ในปริมาณที่มากจนเกินไป จนอาจนำไปสู่การเกิดโรคต่าง ๆ ทั้งโรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคข้อเสื่อม รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด ตามมาได้

           เนื่องจากอาหารของผู้สูงอายุทุกจานที่ได้รับการปรุงแต่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถูกนำมาออกมาจากห้องครัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการนำไปจัดเสิร์ฟให้กับผู้สูงอายุที่มาเข้ารับการดูแลที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง หรือเนอสซิ่งโฮม จำเป็นจะต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพและปริมาณของอาหารทุกครั้งโดยนักโภชนากร ซึ่งจะช่วยให้ลูกหลานหรือญาติของผู้สูงอายุสามารถมั่นใจได้ว่า อาหารทุกจานที่ถูกนำมาให้ผู้สูงอายุได้รับประทานนั้น ได้รับการดูแลและตรวจสอบเป็นอย่างดีแล้วว่า อาหารในจานนั้น ๆ มีความถูกต้องและเหมาะสมต่อร่างกายของผู้สูงอายุอย่างแท้จริง

5.ผู้สูงอายุจะได้รับการปรับเปลี่ยนเมนูอาหาร ให้เหมาะสมกับความต้องการสารอาหารในทันทีหากมีภาวะเจ็บป่วย

           สำหรับลูกหลานหรือญาติของผู้สูงอายุที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีนั้นอาจไม่เห็นถึงความจำเป็นในด้านของการที่จะได้รับการปรับเปลี่ยนเมนูอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการสารอาหารในทันที เมื่อมีการพาผู้สูงอายุมาเข้ารับการดูแลที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง หรือเนอสซิ่งโฮม ที่มีนักโภชนากรสักเท่าไหร่ แต่สำหรับผู้สูงอายุที่มีอาการเจ็บป่วย ยกตัวอย่างเช่น ผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังนั้น การได้รับการดูแลและปรับเปลี่ยนเมนูอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการสารอาหารในทันทีถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถได้รับสารอาหารประเภทโปรตีนในปริมาณที่น้อยลง หรือประมาณ 0.5-0.8 กรัม ต่อน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ต่อวัน ซึ่งน้อยลงกว่าปริมาณโปรตีนที่คนปกติควรได้รับในแต่ละวัน เพื่อเป็นการช่วยให้ไตได้ทำงานเบาลง ซึ่งจะช่วยชะลอความเสื่อมของไตเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที

           เพราะฉะนั้นแล้ว การเลือกใช้บริการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง หรือเนอสซิ่งโฮม ที่มีนักโภชนากรคอยดูแลในเรื่องของโภชนาการและสารอาหารของผู้สูงอายุให้มีความครบถ้วนและเหมาะสมตลอดระยะเวลาที่ต้องอยู่ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง หรือเนอสซิ่งโฮมนั้น จึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์พร้อมสำหรับการใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

           โดยสำหรับลูกหลานหรือญาติของผู้สูงอายุท่านไหนที่กำลังมองหาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง หรือเนอสซิ่งโฮม ที่มีนักโภชนากรคอยให้การกำกับดูแลเกี่ยวกับอาหารของผู้สูงอายุ The Senior Health Care เราคือเนอสซิ่งโฮมที่ให้บริการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยแบบครบวงจร โดยทีมดูแลที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะ และนอกจากนี้เรายังมีนักโภชนากรมืออาชีพที่คอยออกแบบโปรแกรมอาหาร และพัฒนาเมนูอาหารให้มีความเหมาะสมตามหลักโภชนาการเพื่อรองรับกับความต้องการของผู้สูงอายุแต่ละกลุ่มที่มีความแตกต่างกันออกไปโดยเฉพาะ เพื่อช่วยให้ลูกหลานหรือญาติของผู้สูงอายุทุกท่านสามารถมั่นใจได้ว่า ผู้สูงอายุในครอบครัวของท่านจะได้รับการดูแลด้านโภชนาการอาหารอย่างครบถ้วนและเหมาะสมตลอดระยะเวลาที่พักอาศัยอยู่ที่ The Senior Health Care อย่างแน่นอน

 

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://senior.co.th
E-mail : seniortalk5@gmail.com
Tel : 090-885-2985

Leave a Reply

Your email address will not be published.